2554-03-08

อาหารเพื่อสุขภาพ





สูตรอาหาร

ยำทะเลยำรวมมิตรทะเล มีทั้งกุ้ง หอย ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา รสแซ่บสะใจ




หอยแมลงภู่แกะเอาแต่เนื้อ100กรัม
ปลาหมึกกล้วยหั่นชิ้น100กรัม
กุ้งชีแฮ้200กรัม
ลูกชิ้นปลา100กรัม
หัวหอมใหญ่หั่นเสี้ยว1หัว
ต้นหอมซอย2ต้น
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน1-2ต้น
พริกขี้หนูสวนโขลกละเอียด1ช้อนโต๊ะ
รากผักชีหั่นละเอียด1ช้อนชา
กระเทียมโขลกละเอียด1หัว
น้ำตาลทราย1ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว1/4ถ้วย
น้ำปลา1/4ถ้วย


วิธีทำอาหาร

1. ล้างกุ้งให้สะอาด เด็ดหัวและหาง ผ่าหลังชักเส้นดำออก ล้างปลาหมึก ล้างหอยแมลงภู่ให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือป่น 1 ช้อนชา นำปลาหมึกลงลวกพอสุก ตักขึ้น ลวกลูกชิ้นปลา หอยแมลงภู่ พอร้อนทั่วตักขึ้น ใส่กุ้ง ต้มพอสุก
3. ผสมพริกขี้หนูโขลก รากผักชี กระเทียมโขลก น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และน้ำปลา เข้าด้วยกันเพื่อเป็นน้ำปรุงรส
4. คลุกเคล้ากุ้ง หอยแมลงภู่ ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา และน้ำปรุงรสให้เข้ากัน ใส่ต้นหอม หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย แล้วคลุกเคล้าเบา ๆ ให้เข้ากัน
5. ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

2554-02-19

ประวัติของคนน่ารัก


ชื่อ  โสรยา 
 สกุล  กีละ                                                             
แฟนเรียก  D'ยา
เพื่อนเรียก  ยาย่า
เบิดเดย์  20  ธันวา  2538
การศึกษา  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
                 โรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา
สีที่ชอบ  สีฟ้า
อาหารจานเด็ด  เนื้อย่างเกาหลี
กีฬาที่ชอบ  วอลเล่บอล
วิชาที่ชอบ  อังกฤษ ( speak english โคตรเก่ง )
ความสามารถพิเศษ  เต้นค่ะ
งานอดิเรก  ฟังเพลง/คุยโม้/นอน/กิน
ความฝัน  แอฮอสเตจ
คติ  ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

ประวัติของฉัน

แม่ตั้งให้ นูรียะห์ 
ยืมพ่อชั่วคราว  สือนิ
เพื่อนเรียก  นา
รู้แล้วอย่าลืม  26  พฤศจิกายน  2538
ที่หลบฝน  41/1  ม.2 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา
งานอดิเรก  ฟังเพลง/กินไม่เลือก
สีที่ชอบ  สีแดง
อาหารที่ชอบ  ผัดเผ็ดปลาดุก
กีฬาสุดโปรด  เปตอง
ความสามารถพิเศษ  วาดรูป
อนาคต  ตำราจหญิง











..................^_^  ^_^..................

ปา หวัด ส่วน ตัว

ชื่อ  อาดีละห์  เจ๊ะซู
ชื่อเล่น  ละห์
อายุ 15 ปี
ว.ด.ป.เกิด  7  กันยายน 2538
ที่อยู่  29/5  ม.3 ต.เปาะเส้ง อ.เมือง จ.ยะลา
จบป.6 จากร.ร  บ้านตลาดลำใหม่
ปัจจุบัน  ศึกษาอยู่ชั้นม.3
  โรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา
งานอดิเรก  เล่นกีฬา
วิชาที่ชอบ  ศิลปะ
อาหารที่ชอบ  ต้มยำกุ้ง
ผลไม้ที่ชอบ  องุ่น
สัตว์ที่ชอบ  แมว
ความสามารถพิเศษ  วาดรูป
อนาคต  พยาบาล
คติ  ข้าพเจ้าเป็นคนที่เดินช้า แต่ไม่มีวันถอยหลัง

2554-02-16

ใต้ ความทรงจำ

ดุซงญอ กรือเซะ ตากใบ และการยอมรับความจริงในสังคมไทย



ท่านวิทยากรได้บรรยายประกอบภาพวิดีทัศน์ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างขบวนการของชาวมลายูมุสลิมกับเจ้าหน้าที่รัฐไทยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ทั้งที่หมู่บ้านดุซงญอ เมื่อปี ๒๔๙๑ ที่มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี และหน้าที่ว่าการอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี ๒๕๔๗ ดังต่อไปนี้
๑.เหตุการณ์ที่หมู่บ้านดุซงญอ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส (พ.ศ.๒๔๙๑)


Hj
หะยี มุฮัมหมัดสุหลง อับดุลกาแลร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หะยีสุหลง”
เมื่อปี ๒๔๙๑ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้เกิดขบวนการคอมมิวนิสต์มลายา (โจรจีนคอมมิวนิสต์) ตามบริเวณพรมแดนไทย – มลายาของอังกฤษ เพื่อต่อต้านการปกครองของอังกฤษ มีกองโจรสายหนึ่งได้ล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนไทยจนถึงเขตตำบลจะแนะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส และพยายามขอความร่วมมือกับชาวบ้านในท้องที่นี้ แต่ชาวบ้านปฏิเสธ ขบวนการนี้จึงแสดงท่าทีทีท่าคุกคามชาวบ้าน โดยที่ทางราชการไทยไม่ได้ใส่ใจที่จะให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนในท้องถิ่นนี้เท่าที่ควร ชาวบ้านจึงต้องจัดกำลังอาวุธคุ้มครองตัวเอง ต่อมาเกิดเหตุวิวาทส่วนบุคคลระหว่างคนในท้องที่กับคนต่างถิ่น ทางอำเภอระแงะได้เข้าสืบสวนเหตุการณ์จนทราบถึงกำลังติดอาวุธของชาวบ้าน โดยในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ได้มีเหตุการณ์จับกุมหะยี มุฮัมหมัดสุหลง อับดุลกาแลร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หะยีสุหลง” ในข้อหากบฏแบ่งแยกดินแดน ทางผู้ปกครองอำเภอระแงะจึงเข้าใจว่ากองกำลังนี้เป็นกำลังสนับสนุนกบฏของหะยีสุหลง ดังนั้นจึงได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าปราบปราม ณ บ้านดุซงญอ ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๙๑ จากการปะทะมีชาวบ้านเสียชีวิต ประมาณ ๓๐ คน เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ๕ นาย และหลังจากเหตุการณ์นี้ชาวบ้านจึงได้อพยพไปอยู่ในมลายาของอังกฤษ (ปัจจุบันเป็นประเทศมาเลเซีย) ประมาณ ๖,๐๐๐ คน และสืบลูกหลานที่นั่นโดยไม่กลับมาในฝั่งประเทศไทยอีกเลย จากเหตุการณ์นี้ทางรัฐบาลไทยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความจริงในเรื่องนี้ ปรากฏว่าเป็นการเข้าใจและการสื่อสารที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐไทย แต่ไม่ปรากฏว่ามีการลงโทษผู้กระทำผิดพลาดแต่อย่างใด

๒.เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี (พ.ศ.๒๕๔๗) มัสยิดกรือเซะสร้างโดยกษัตริย์แห่งรัฐปัตตานี ในตำแหน่งที่เป็นพระราชวังเก่าของอดีตกษัตริย์ปัตตานี และเป็นศูนย์รวมจิตใจของมุสลิมภาคใต้มาตั้งแต่สมัยรัฐปัตตานี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๑) ต่อมาเมื่อรัฐบาลไทยผนวกปัตตานีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยโดยสมบูรณ์ รัฐบาลไทยได้การประกาศให้มัสยิดแห่งนี้เป็นโบราณสถาน ห้ามไม่ให้มุสลิมภาคใต้ทำศาสนกิจและศาสนพิธีใดๆ จึงเป็นการขัดต่อวิถีวัฒนธรรมของผู้คนที่นี่เป็นอย่างยิ่ง และได้เคยมีการต่อต้านของชาวบ้านในพื้นที่มาแล้ว ในปี ๒๕๔๗ เป็นช่วงที่เหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังเริ่มต้น จนถึงเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ได้มีกลุ่มบุคคลเข้าไปพักผ่อนในมัสยิดกรือเซะนี้แล้วได้ออกมาโจมตีป้อมตำรวจที่รักษาการณ์ในเมืองเพื่อแย่งอาวุธปืน ทางฝ่ายทหารตำรวจจึงส่งกำลังเข้าล้อมมัสยิด กลุ่มกองโจรจึงจับตัวประกัน ในครั้งแรกฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเลือกที่จะเจรจา แต่ภายหลังมีคำสั่งให้จัดการอย่างเด็ดขาด จึงใช้อาวุธสงครามประเภทเครื่องยิงลูกระเบิดยิงถล่มไปในมัสยิด สุดท้ายทั้งผู้ก่อการร้ายและตัวประกันทั้งหมดจำนวน ๓๒ คนเสียชีวิต
ภาพภายหลังเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ

ต่อมารัฐไทยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้ ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของไทยกระทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจากกองกำลังทหารตำรวจได้ล้อมมัสยิดอยู่ก่อนแล้ว จึงควรจะเจรจากับกองโจรในมัสยิดได้ แต่ในภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และมีการเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายเพียงเล็กน้อย

๓.เหตุการณ์ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส (พ.ศ.๒๕๔๗)
หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๗ ทางรัฐบาลได้มีมติจัดตั้งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐจะฝึกอาวุธและให้ชรบ.แต่ละหน่วยจะมีอาวุธปืนหน่วยละ ๑๕ กระบอก เพื่อให้ชาวบ้านสามารถคุ้มครองรักษาตนเองได้จากกลุ่มผู้ก่อการร้าย

ภาพการจับกุมจากการสลายม็อบ

ต่อมาได้เกิดเหตุปืนหายไป ๖ กระบอก ต่อมาเมื่อนำเจ้าของปืนมาสอบสวนจึงได้ทราบความว่าเจ้าของปืนได้นำปืนไปให้ผู้ก่อความไม่สงบเสียเองจึงได้จับกุมคนทั้ง ๖ นี้ ชาวบ้านรายอื่นๆ จึงได้มาชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อกดดันให้ปล่อยตัวทั้ง ๖ คนนี้ โดยลักษณะการชุมนุมจะเป็นการยั่วยุและมีการขว้างปาข้าวของ  จึงมีการตัดสินใจให้สลายการชุมนุมและให้จับกุมทุกคนในที่ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร แต่ระหว่างการนำตัวผู้ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหารรถขาดแคลน เจ้าหน้าที่ทหารจึงให้ผู้ชุมนุมนอนคว่ำหน้าในรถแบบเรียงซ้อนกัน ผู้ชุมนุมจำนวน ๘๗ คน ขาดอากาศหายใจในระหว่างการขนย้าย นอกจากนี้ในระหว่างการสลายการชุมนุมปรากฏว่ามีผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิต ๕ คน จากเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความจริง ปรากฏว่าให้รัฐบาลเพียงแต่ชดใช้ค่าเสียหาย ต่อมาภายหลังรัฐบาลได้ถอนคดีต่อแกนนำทั้ง ๕๗ คน รวมทั้งผู้ที่ยักยอกปืนไปให้แก่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

เหตุการณ์ทั้งสามนี้ล้วนแต่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐไทยที่ได้กระทำเกินกว่าเหตุต่อผู้ที่ก่อเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงผู้บริสุทธิ์ที่เป็นมุสลิมในพื้นที่ แต่ไม่เป็นที่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดจะได้รับการลงโทษในการกระทำที่เกิดขึ้น อีกทั้งรัฐไทยก็ไม่สามารถที่จะสร้างความรู้สึกที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เหตุการณ์ทั้งสามึงเป็นสาเหตุหลักของความไม่เป็นธรรมที่สร้างบาดแผลทางความรู้สึกให้แก่ประชาชนสามจังหวัดชายแดนใต้ ถึงความรู้สึกแตกต่าง แปลกแยก และเป็นศัตรูระหว่างคนไทยกับคนมลายูในพื้นที่ ฉะนั้นการเริ่มต้นด้วยการสมานฉันท์ต้องเริ่มจากความจริง จะต้องอาศัยการเจรจาเป็นแนวทางหลัก “ไม่มีสงครามใดที่ยุติอย่างปราศจากการเจรจา” เพราะการที่จะให้ประชาชนหรือผู้ก่อความไม่สงบเชื่อใจและพร้อมที่จะเจรจากับรัฐ รัฐก็ต้องดูแลเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเป็นธรรม แม้จะปรากฏความจริงที่อาจยอมรับไม่ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องกล้าที่จะยอมรับและอดทนที่จะเรียนรู้ เข้าใจ และให้อภัย

เหตุการณ์สำคัญ....เมื่อวันวาน

เหตุการณ์สำคัญ ณ กบฏ  ดุซงญอ          เป็นเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย กับกลุ่มประชาชนชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายู ระหว่าง 25 - 28 เมษายน พ.ศ. 2491 ที่ หมู่บ้านดุซงญอ ตำบลจะแนะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากทั้งสองฝ่าย หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป มีการสร้างอนุสาวรีย์ลูกปืนเพื่อรำลึกถีงเหตุการณ์นี้ แต่อนุสาวรีย์นี้ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก  ซึ่งเหตุการณ์กบฏนี้ ครบรอบ 56 ปี     เมื่อเกิดเหตุการณ์ กรณีกรือเซะ 2547 ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2547จนมีผู้เสียชีวิต 108 ศพ 
ภาพ:Phibul.jpg
         สาเหตุเกิดจาก ความไม่พอใจรัฐบาลไทยของชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายู  เริ่มขึ้นจากการยกเลิกระบบสุลต่านหรือเจ้าผู้ครองนครมาเป็น  ระบบมณฑลเทศาภิบาล     ในสมัยรัชกาลที่ 5    และทวีความรุนแรงขึ้นในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม  เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งความอดอยากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ราษฎรที่นับถือศาสนาอิสลาม  เห็นว่าพวกตนไม่ได้รับการดูแลเท่าเทียมกับราษฎร  ที่นับถือศาสนาพุทธ  นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากภายนอก โดยอังกฤษสนับสนุน   ตนกู มะไฮยิดดิน อับดุลกาเดร์  บุตรของรายาปัตตานีองค์สุดท้ายให้แยกตัวออกจากไทย เพื่อแก้แค้นที่ไทยหันไป ร่วมมือ กับญี่ปุ่น   แกนนำในการต่อต้านรัฐบาลยุคนั้น    คือ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ซึ่งมีบทบาทในการคัดค้านการตั้งดะโต๊ะยุติธรรม เรียกร้องให้แยกศาลศาสนา และเสนอ คำขอ 7 ข้อต่อรัฐบาล หะยีสุหลง  ถูกจับด้วยข้อหากบฏ   เมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2491 ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ราษฎรอย่างกว้างขวาง
เหตุการณ์ในพื้นที่
          การรวมกลุ่มของชาวไทยเชื้อสายมลายูในยุคนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 สาเหตุ อย่างแรกคือ ไม่พอใจนโยบายรัฐบาลที่รู้สึกว่าเป็นการกดขี่พวกเขา   อย่างที่สองคือ รวมตัวกันต่อสู้กับ โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา  ที่มักข้ามแดนมารังควานชาวไทยกลุ่มนี้เป็นประจำ ซึ่งพวกเขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐเพราะมีความระแวงกันอยู่เป็นทุนเดิม ความระแวงซึ่งกันและกันนี้เป็นให้เกิดความรุนแรงขึ้นในที่สุด ทั้งโดยความเข้าใจผิดและถูกยุยงจากผู้ไม่หวังดี
  • 24 เมษายน 2491 เจ้าหน้าที่รัฐได้รับรายงานว่า หะยีสะแมงฟันนายบุนกี (จีนเข้ารีตอิสลาม) ได้รับบาดเจ็บสาหัส
  • 25 เมษายน 2491 ตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองรวม 4 นาย เข้าไปตรวจเหตุการณ์ในหมู่บ้าน ถูกพวกก่อการจลาจลราว 30 คนถือดาบไล่ฟัน จนต้องหนีออกจากหมู่บ้าน
  • 26 เมษายน 2491 
      ตอนเช้า ตำรวจราว 28 นาย  ยกเข้ามาที่ตลาดดุซงญอ   และส่งตำรวจ 4 นาย   ไปเป็นกองล่อให้ฝ่ายจลาจลแสดงตัว ผลปรากฏว่าฝ่ายจลาจลมีกำลังมากกว่า ฝ่ายตำรวจต้องล่าถอย ตำรวจที่เป็นกองล่อทั้ง 4 นายเสียชีวิตทั้งหมด            ตอนค่ำ กำลังตำรวจจากจังหวัดใกล้เคียงคือ จ.ยะลา 20 นาย จ.ปัตตานี 30 นาย     อ.สุไหงปาดี 8 นาย ยกมาสมทบและรวมกำลังกันที่ตำบลกรีซา 1 คืน
  • 27 เมษายน 2491  กำลังตำรวจจากจ.สงขลาอีก 20 นาย มาถึง ต.กรีซา เริ่มยกพลเข้าหมู่บ้านดุซงญอ ปะทะกับพวกจลาจล ยิงโต้ตอบกันราว 3 ชั่วโมง ฝ่ายตำรวจจึงล่าถอย ระหว่างถอย ถูกฝ่ายจลาจลยิงเสียชีวิต 1 นาย 
  • 28 เมษายน 2491 กำลังตำรวจเข้าโจมตีหมู่บ้านดุซงญออีกครั้ง และปราบปรามฝ่ายจลาจลได้เด็ดขาด
         ข้อมูลจากชาวบ้านดุซงญอ   ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งขึ้นไปรวมตัวบนเขาเพื่อประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ให้อยู่ยงคงกระพัน   เพื่อต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์   ในกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นคนหนุ่มที่หนีการเกณฑ์ทหาร   เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นทหารเกณฑ์แล้วต้องถูกบังคับให้ไหว้พระพุทธรูป     เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตามตัวชาวบ้านบนเขาให้ลงมา แต่ชาวบ้านไม่ยอม ขับไล่ตำรวจลงมา ตำรวจจึงรวมกลุ่มกันขึ้นไปยิงชาวบ้านบนเขา ชาวบ้านจึงหนีลงมารวมตัวกันที่สุเหร่าและบ้านของโต๊ะเปรัก ก่อนจะถูกตำรวจยกพลเข้ามาปราบ
         อนุสาวรีย์ลูกปืน
อนุสาวรีย์ลูกปืนเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์กบฏดุซงญอแต่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ตั้งอยู่ภายในบริเวณสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส สร้างเป็นรูปลูกกระสุนปืน ตั้งอยู่บนฐานทรงกลม 3 ชั้น สูง 36, 30, และ 30 เซนติเมตรตามลำดับจากล่างขึ้นบน ตัวกระสุนปืนมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 34 เซนติเมตร ส่วนปลอกกระสุนสูง 150 เซนติเมตร มีช่องสี่เหลี่ยมในส่วนใกล้หัวกระสุนซึ่งสูง 25 เซนติเมตร รวมความสูงของกระสุนปืน 245 เซนติเมตร กล่าวกันว่ามีการบรรจุกระดูกของตำรวจที่เสียชีวิตในเหตุการณ์กบฏดุซงญอไว้ภายใน

เหตุการณ์เมื่อวันวาน

เหตุการณ์สำคัญอำเภอตากใบ  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ในอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน
เหตุการณ์   เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อชายท้องถิ่นหกคนถูกจับกุม และได้มีการเดินขบวนเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทั้งหกคนดังกล่าว และตำรวจได้เรียกกำลังเสริมจากกองทัพ หลังจากผู้เดินขบวนบางคนได้ขว้างปาก้อนหินและพยายามปิดล้อมสถานีตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ใช้แก๊สน้ำตาและยิงตอบโต้
ประชาชนท้องถิ่นหลายร้อนคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายวัยรุ่น ได้ถูกจับกุม กลุ่มคนเหล่านี้ถูกถอดเสื้อ ผูกมือไพล่ติดกับหลัง และถูกจัดท่าให้นอนราบลงกับพื้น คลิปวิดีโอได้แสดงภาพทหารเตะและทุบตีประชาชนที่ถูกจับมัดไว้เรียบร้อยแล้วและนอนอยู่บนพื้นโดยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้ที่ถูกจบกุมถูกทหารโยนเข้าไปในรถบรรทุกซึ่งจะนำไปส่งยังค่ายทหารในจังหวัดปัตตานี ผู้ที่ถูกจับกุมนอนทับกันถึงห้าหรือหกชั้นในรถบรรทุก และเมื่อรถบรรทุกดังกล่าวมาถึงค่ายทหารในอีกสามชั่วโมงถัดมา หลายคนก็เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากขาดอากาศหายใจ
รายงานอ้างว่ามีผู้เสียชีวิต 7 คนจากบาดแผลกระสุนปืน ส่วนที่เหลือเชื่อกันว่าเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจหรือถูกทุบตี
ผลที่ตามมา เหตุการณ์ดังกล่าวจุดประกายให้เกิดการประท้วงอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ วีซีดีซึ่งจัดทำโดยกลุ่มมุสลิม ได้แสดงให้เห็นถึงภาพเหตุการณ์เช่นเดียวกับเสียง วีซีดีเหล่านี้ได้ถูกส่งเวียนไปตามกลุ่มมุสลิมในประเทศไทย   รัฐบาลกล่าวว่าเป็นการผิดกฎหมายในการครอบครองวีซีดีดังกล่าวและกล่าวว่ารัฐบาลสามารถฟ้องร้องผู้ที่มีไว้ในครอบครองได้
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ ปฏิกิริยาแรกของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร คือ การปกป้องการกระทำของกองทัพ และกล่าวว่าชายเหล่านี้เสียชีวิต "เพราะพวกเขายังอ่อนแอจากการอดอาหารระหว่างเดือนรอมฎอน
กระทั่งวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 ไม่มีสมาชิกกองกำลังความมั่นคงที่มีส่วนรับผิดชอบถูกนำมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อมา นายกรัฐมนตรี สุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวแสดงความขอโทษอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์ดังกล่าว